ให้ฝากเงินกับรัฐบาลไว้ยาวๆแล้วเงินคุณลดหายลงไปทุกๆวัน... คุณจะยอมไหม ? ลองคิดดูซักนิดก่อนนะครับ... เพราะนี่อาจจะเป็น "New Normal" ในอนาคตได้
วันนี้ทางอังกฤษได้ออกพันธบัตรรัฐบาลอัตราผลตอบแทนติดลบเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ !
แน่นอนว่าไม่มีใครอยากจะฝากเงินแล้วเงินลดหายลงไปเรื่อยๆแน่ๆ ! แต่หากตอนนี้เศรษฐกิจกำลังถดถอยทั่วโลก ไม่ว่าคุณจะเอาเงินไปทำอะไรก็มีความเสี่ยง เอาไปลงทุนก็อาจจะขาดทุนได้ เอาไปให้คนอื่นกู้ก็อาจจะกลายเป็นหนี้เสีย และหากคุณอยู่ที่อังกฤษธนาคารก็แทบจะไม่ให้ดอกเบี้ยเงินฝากคุณแล้ว...
เพราะฉะนั้นหากคุณมีเงินสดเหลือจำนวนมากและเป็นกังวล การฝากเงินระยะยาวแล้วเงินหายแต่เป็นการ ฝากแบบมั่นคง ก็อาจจะเป็นทางที่นักลงทุนเลือก ! เพราะหากทางรัฐบาลอังกฤษไม่ได้ล้มหายตายจากไปเงินเหล่านั้นก็จะยังได้กลับคืนมาเกือบเต็มจำนวน
วันนี้รัฐบาลอังกฤษได้ทำการออกพันธบัตรอายุ 3 ปีที่มีอัตราผลตอบแทนติดลบ -0.003% เป็นวงเงินรวมกว่า 3.8 พันล้านปอนด์ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ แต่รัฐบาลอังกฤษไม่ใช่ประเทศเดียวที่ทำแบบนี้ ก่อนหน้านี้หลายชาติในยุโรปและญี่ปุ่น ต่างก็มีการออกพันธบัตรที่มีอัตราผลตอบแทนติดลบมาก่อนแล้ว
ทำไมรัฐบาลอังกฤษต้องออกพันธบัตรติดลบ ?
ต้องเริ่มมาจากว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายของอังกฤษนั้นกำลังต่ำเตี้ยติดดินที่สุดในประวัติศาสตร์อยู่ที่ 0.1% เหตุผลก็เพราะว่าเศรษฐกิจที่ไม่ดีเพราะไวรัสโควิดทำให้ทางธนาคารกลางอังกฤษต้องลดดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นสภาพคล่อง กระตุ้นให้มีการกู้ยืมกันมากขึ้น สนับสนุนให้มีการใช้จ่ายมากกว่าการออมเงิน
และสุดท้ายนี้ยังไงก็ตามทางรัฐบาลอังกฤษก็ยังต้องการเงินสดในการบริหารประเทศ จึงได้ปล่อยให้ต่างประเทศและนักลงทุนต่างๆเข้ามาซื้อพันธบัตรได้ แต่อัตราดอกเบี้ยก็จะต่ำมากๆล้อไปกับดอกเบี้ยนโยบาย
ตอนนี้อัตราเงินเฟ้อของอังกฤษกำลังต่ำมากลดลงมาอยู่ที่เพียง 0.8% กำลังจะเกิดภาวะเงินฝืดทำให้มีหลายๆฝ่ายเชื่อว่าธนาคารกลางอังกฤษอาจปรับดอกเบี้ยนโยบายเป็นติดลบในการประชุมครั้งหน้า
วันนี้ธนาคารกลางแห่งประเทศไทยเพิ่งมีมติลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงมาอีก 0.25% จนเหลือ 0.50% แล้ว ! ต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์ไทยเช่นกัน
โดยทางแบงค์ชาติตัดสินใจปรับลดลงด้วยเหตุผลเดียวกับที่กล่าวไว้ด้านบน เพราะได้ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2563 มีแนวโน้มหดตัวกว่าประมาณการเดิมเพราะผลกระทบของไวรัสโควิดและจากมาตรการควบคุมการระบาดทั่วโลกทำให้ไม่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามา และอัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มติดลบกว่าที่ประเมินไว้
ราคาหุ้นดูสวนทางกับนโยบาย ?
ตอนนี้ราคาหุ้นในตลาดไทยและหลายแห่งทั่วโลกนั้นยังคงทยอยปรับตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งอาจจะดูแล้วขัดกับนโยบายการเงินของธนาคารกลางทั่วโลก จึงต้องจับตามองอย่างใกล้ชิดว่า การที่นักลงทุนทั่วโลกมีความมั่นใจว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆเหล่านี้จะเพียงพอที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจได้ จริงๆแล้วจะได้ผลจริงหรือไม่ ? เพราะหากสามารถทำให้เราเกิดการใช้จ่ายจริงจังอีกครั้งและผ่านวิกฤตไปได้ ราคาหุ้นก็อาจจะไม่ลงมาแล้ว... แต่ถ้ามาตรการที่ใช้อยู่ทั้งหมดนี้ยังไม่เพียงพอ ในระยะยาวนั้นราคาก็คงต้องปรับตัวลดลงมาตามปัจจัยพื้นฐาน
บทวิเคราะห์นี้เผยแพร่ครั้งแรกที่เพจOil Trading - ทันตลาดน้ำมันและเศรษฐกิจโลกกับ KP